โปรแกรมบัญชี AccCloud

ERP กับการจัดการ Inventory

ERP กับการจัดการ Inventory ลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพได้อย่างไร?

การบริหารจัดการ สินค้าคงคลัง (Inventory Management) อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นหัวใจสำคัญของการควบคุมต้นทุน การเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า และการสร้างผลกำไรที่ยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการผลิต การค้าปลีก หรือการจัดจำหน่าย การมีสินค้าคงคลังมากเกินไปอาจนำไปสู่ต้นทุนการจัดเก็บที่สูง สินค้าล้าสมัย และเงินทุนจม ในขณะที่สินค้าคงคลังน้อยเกินไปอาจทำให้เสียโอกาสในการขายและส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์กับลูกค้า 

ระบบวางแผนทรัพยากรขององค์กร (Enterprise Resource Planning – ERP) ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการปฏิวัติวิธีการจัดการสินค้าคงคลัง โดยการบูรณาการข้อมูลและกระบวนการต่างๆ เข้าด้วยกัน บทความนี้จะเจาะลึกถึงความท้าทายของการจัดการสินค้าคงคลังแบบเดิม และอธิบายว่าระบบ ERP ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการนี้ได้อย่างไร

ความท้าทายของการจัดการ Inventory แบบเดิม

ก่อนที่ระบบ ERP จะเข้ามามีบทบาท ธุรกิจจำนวนมากต้องเผชิญกับความท้าทายในการจัดการสินค้าคงคลังด้วยวิธีการแบบดั้งเดิม ซึ่งมักจะนำไปสู่ปัญหาต่างๆ ดังนี้

  • ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นปัจจุบัน การใช้ระบบที่ไม่เชื่อมโยงกัน หรือการพึ่งพาการบันทึกด้วยมือ ทำให้ข้อมูลสินค้าคงคลังไม่แม่นยำและไม่ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบัน ส่งผลให้เกิดการตัดสินใจที่ผิดพลาด
  • การคาดการณ์ความต้องการที่ไม่แม่นยำ การขาดเครื่องมือและข้อมูลที่เพียงพอในการวิเคราะห์แนวโน้มความต้องการของลูกค้า ทำให้เกิดการสั่งซื้อสินค้าที่ไม่สอดคล้องกับความต้องการจริง นำไปสู่ปัญหาสินค้าคงค้างหรือสินค้าขาดสต็อก
  • การควบคุมระดับสินค้าคงคลังที่ไม่เหมาะสม การกำหนดระดับสินค้าคงคลังขั้นต่ำและสูงสุดโดยไม่มีข้อมูลที่แม่นยำ อาจทำให้มีสินค้าคงค้างมากเกินความจำเป็น หรือมีสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้า
  • การจัดการสินค้าคงคลังที่ไม่มีประสิทธิภาพ การขาดระบบในการติดตามสินค้าตามล็อต (Lot Number) หรือหมายเลขซีเรียล (Serial Number) ทำให้ยากต่อการจัดการการเรียกคืนสินค้า (Recall) หรือการตรวจสอบที่มาที่ไปของสินค้า
  • ต้นทุนการจัดเก็บที่สูง การมีสินค้าคงคลังมากเกินไปส่งผลให้ต้นทุนการจัดเก็บ ค่าประกันภัย และความเสี่ยงของสินค้าล้าสมัยเพิ่มสูงขึ้น
  • การสูญเสียโอกาสในการขาย การมีสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกค้าทำให้เสียโอกาสในการขาย และอาจส่งผลเสียต่อความภักดีของลูกค้า
  • กระบวนการจัดซื้อที่ไม่ราบรื่น การขาดการเชื่อมโยงระหว่างข้อมูลสินค้าคงคลังกับกระบวนการจัดซื้อ อาจทำให้การสั่งซื้อสินค้าไม่ทันต่อความต้องการ หรือสั่งซื้อในปริมาณที่ไม่เหมาะสม

ERP ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการ Inventory ได้อย่างไร?

ระบบ ERP ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงวิธีการจัดการสินค้าคงคลังอย่างมีนัยสำคัญ โดยการบูรณาการข้อมูลจากทุกส่วนของธุรกิจ ทำให้ธุรกิจสามารถมองเห็นภาพรวมของสินค้าคงคลังได้อย่างชัดเจน และมีเครื่องมือในการจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนี้

  1. การพยากรณ์ความต้องการสินค้า (Demand Forecasting) ระบบ ERP ที่ทันสมัยมีเครื่องมือในการวิเคราะห์ข้อมูลการขายในอดีต แนวโน้มตลาด และปัจจัยอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยในการคาดการณ์ความต้องการสินค้าในอนาคตได้อย่างแม่นยำมากขึ้น ทำให้ธุรกิจสามารถวางแผนการผลิตและการจัดซื้อได้อย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงของสินค้าหมดสต็อกหรือสินค้าคงค้างจำนวนมาก
  1. การควบคุมระดับสินค้าคงคลังที่เหมาะสม (Optimal Inventory Level Control) ERP ช่วยให้ธุรกิจสามารถกำหนดระดับสินค้าคงคลังที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น Lead Time (ระยะเวลารอคอยสินค้า) ต้นทุนการจัดเก็บ ความต้องการของลูกค้า และระดับการให้บริการที่ต้องการ ระบบสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนเมื่อระดับสินค้าคงคลังลดลงถึงจุดที่กำหนด (Reorder Point) เพื่อให้สามารถดำเนินการสั่งซื้อหรือผลิตสินค้าได้อย่างทันท่วงที ลดความเสี่ยงของสินค้าขาดสต็อกและลดต้นทุนการจัดเก็บสินค้าที่ไม่จำเป็น
  1. การจัดการ Lot และ Serial Number (Lot and Serial Number Tracking) สำหรับสินค้าบางประเภท เช่น อาหาร ยา หรือสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ การติดตามสินค้าตามล็อตหรือหมายเลขซีเรียลเป็นสิ่งสำคัญ ระบบ ERP ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามสินค้าเหล่านี้ได้อย่างละเอียด ตั้งแต่การรับสินค้า การจัดเก็บ การเคลื่อนย้าย ไปจนถึงการขาย ทำให้สามารถจัดการการเรียกคืนสินค้า (Recall) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถตรวจสอบที่มาที่ไปของสินค้าได้อย่างแม่นยำ ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยของผลิตภัณฑ์
  1. การลดสินค้าคงค้างและสินค้าหมดอายุ (Reducing Obsolete and Expired Inventory) ERP มีเครื่องมือในการวิเคราะห์อายุของสินค้าคงคลัง (Inventory Aging Analysis) ช่วยให้ธุรกิจสามารถระบุสินค้าที่ใกล้หมดอายุ หรือสินค้าที่เคลื่อนไหวน้อย เพื่อวางแผนการระบายสินค้า เช่น การจัดโปรโมชั่น หรือการลดราคา ก่อนที่จะกลายเป็นสินค้าที่สูญเปล่า ซึ่งช่วยลดการสูญเสียและเพิ่มกระแสเงินสด
  1. การปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อ (Improved Procurement Process) ระบบ ERP เชื่อมโยงข้อมูลสินค้าคงคลังเข้ากับกระบวนการจัดซื้อ ทำให้การสั่งซื้อสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เมื่อระดับสินค้าคงคลังลดลงถึงจุดที่กำหนด ระบบสามารถสร้างใบขอซื้อ (Purchase Requisition) โดยอัตโนมัติ และส่งไปยังแผนกจัดซื้อเพื่อดำเนินการต่อ นอกจากนี้ ERP ยังช่วยในการติดตามสถานะการสั่งซื้อ เปรียบเทียบราคาจากผู้ขายหลายราย และบริหารความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  1. การวิเคราะห์ข้อมูลสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ (Real-Time Inventory Data and Analytics) ERP ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงข้อมูลสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถมองเห็นภาพรวมของสถานะสินค้าคงคลังในทุกคลังสินค้า ทุกสาขา ได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ ระบบยังมีเครื่องมือในการสร้างรายงานและวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสินค้าคงคลัง เช่น อัตราการหมุนเวียนสินค้า (Inventory Turnover Rate) ต้นทุนสินค้าขาย (Cost of Goods Sold – COGS) และระดับการให้บริการลูกค้า (Service Level) ซึ่งช่วยให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลรองรับและปรับปรุงกลยุทธ์การจัดการสินค้าคงคลังได้อย่างต่อเนื่อง

ฟังก์ชัน ERP ที่เกี่ยวข้องกับการจัดการ Inventory

  • ระบบการแจ้งเตือนระดับสินค้าคงคลัง (Inventory Alert System)
  • การจัดการหลายคลังสินค้า (Multi-Warehouse Management)
  • การจัดการสินค้าตามล็อตและซีเรียลนัมเบอร์ (Lot and Serial Number Management)
  • การพยากรณ์ความต้องการสินค้า (Demand Forecasting)
  • การวางแผนการผลิตและการจัดซื้อ (Production and Procurement Planning)
  • การนับสต็อกสินค้า (Inventory Counting)
  • การวิเคราะห์อายุสินค้าคงคลัง (Inventory Aging Analysis)
  • รายงานสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ (Real-Time Inventory Reports)

การจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความสำเร็จของธุรกิจในระยะยาว ระบบ ERP ได้เข้ามาเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถก้าวข้ามความท้าทายของการจัดการสินค้าคงคลังแบบเดิมๆ ด้วยการบูรณาการข้อมูล การทำงานอัตโนมัติ 

และเครื่องมือวิเคราะห์ที่ทรงพลัง ERP ช่วยให้ธุรกิจสามารถ ลดต้นทุน ที่เกิดจากการมีสินค้าคงค้างมากเกินไป สินค้าหมดสต็อก และกระบวนการทำงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ในขณะเดียวกันก็ เพิ่มประสิทธิภาพ ในการจัดการสินค้าคงคลัง การวางแผนการจัดซื้อ การตอบสนองความต้องการของลูกค้า และการตัดสินใจทางธุรกิจ การลงทุนในระบบ ERP ที่เหมาะสมจึงเป็นการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ที่สำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัลนี้